วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตเปื้อนฝุ่น"



ตอนเด็กๆพวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นดั่งเจ้าชายและเจ้าหญิงของพ่อแม่ที่พวก ท่านต่างพร่ำสอนและวาดฝันว่าลูกของตนเองนั้นจะต้องเติบโตเป็นคนดี มีชีวิตที่ดีและมีอนาคตที่สวยหรูกว่าตนเองกันแทบทั้งสิ้น

จนกระทั่งเราเติบโตและเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นและกำลังก้าวข้ามผ่านสู่วัยเป็น ผู้ใหญ่ เราต่างเริ่มเห็นโลกเห็นสังคมในมุมที่ต่างจากโลกเจ้าชายและเจ้าหญิงอย่าง สิ้นเชิง

พวกผู้ใหญ่ต่างพร่ำสอนให้เราเป็นคนดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น แต่เรากลับเห็นผู้ใหญ่ในสังคมตามสถานที่ต่างๆเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ไร้ซึ่งความมีน้ำใจและความเมตตา

พวกผู้ใหญ่ต่างพร่ำสอนให้เราอย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่เงิน อย่าคดโกง มันจะบาป แต่เรากลับเห็นผู้ใหญ่ในสังคมต่างแก่งแย่งกันเพื่อเอาตัวรอด เพื่อให้ตัวเองรวย เพื่อให้ตัวเองได้อยู่สภาพชีวิตเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและร่ำรวย โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบหัวคนไปสักกี่คนกว่าได้ขึ้นมา ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินตัวเดียว โดยไม่สนใจบาปบุญคุณโทษ และไม่สนใจแม้กระทั่งคำว่า "อกตัญญู"

และในหลายๆคราเราก็เห็นว่าแม้แต่พ่อแม่เราเองก็ยังทำอย่างที่พวกท่านพร่ำสอน ว่ากล่าวเราเองยังไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่น อย่าเล่นโทรศัพท์นานนะลูก อย่ามัวแต่เล่นเกมส์ในโทรศัพท์สิลูก ในขณะที่พ่อแม่เองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ยุคสังคมก้มหน้า

เค้าว่ากันว่าชีวิตในวัยเด็กนั้นเปรียบเสมือนผ้าขาวผืนใหญ่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่จะเทสี สาดสี หรือสะบัดสี อะไรใส่เข้าไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาเป็นเช่นนั้นไม่ต่างกัน

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับคน หรือแม้แต่กับเทคโนโลยีระบบ AI ของค่าย Microsoft ได้จำเป็นต้องทำการลบ “Tay” ระบบ AI โดยทั้งที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคอนเซปท์เป็น “หญิงสาวไร้เดียงสา” ที่เอาไว้คอยโต้ตอบแชทแบบ interactive กับมนุษย์ในโลกโซเชียลมีเดียผ่านทาง Twitter แต่หลังจากที่ได้ส่งเธอเข้าไปทำความรู้จักและได้เรียนรู้สังคมมนุษย์ตัว เป็นๆแล้ว เธอกลับกลายเป็นพวกเหยียดชาติพันธุ์ คลั่งฮิตเลอร์ และบ้าเซ็กส์ ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง 

ในขณะที่อีกฝั่งของซีกโลก “Rinna” ระบบ AI รุ่นพี่ของ “Tay” ที่ทาง Microsoft ได้ไปเปิดตัวไว้ในประเทศญี่ปุ่น ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลับพบว่ามีลักษณะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดย "Rinna" ที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคอนเซปท์เป็น "นักเรียนสาว" ก็กลับกลายเป็นนักเรียนสาวโอตาคุ หรือเป็นพวกที่คลั่งการ์ตูน/อนิเมะไปเป็นที่เรียบร้อย

เด็กในยุคดิจิตอลสมัยนี้โตกันเร็ว ดังนั้นผู้ใหญ่เองก็ต้องปรับตัว เรียนรู้และตระหนักถึงเทคโนโลยี พร้อมกับต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่คุณพร่ำสอนบอกกล่าวตักเตือนลูกคุณอยู่นั้น คุณเองก็ทำตัวเช่นนั้นอยู่หรือไม่ เพราะมิฉะนั้นเด็กในรุ่นที่กล้าพูดกล้าคิดสมัยนี้ อาจย้อนถามกลับคุณได้ว่า "แล้วคุณล่ะทำได้อย่างที่พูดหรือปล่าว?"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น