ตอนเด็กๆพวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นดั่งเจ้าชายและเจ้าหญิงของพ่อแม่ที่พวก
ท่านต่างพร่ำสอนและวาดฝันว่าลูกของตนเองนั้นจะต้องเติบโตเป็นคนดี
มีชีวิตที่ดีและมีอนาคตที่สวยหรูกว่าตนเองกันแทบทั้งสิ้น
จนกระทั่งเราเติบโตและเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นและกำลังก้าวข้ามผ่านสู่วัยเป็น
ผู้ใหญ่
เราต่างเริ่มเห็นโลกเห็นสังคมในมุมที่ต่างจากโลกเจ้าชายและเจ้าหญิงอย่าง
สิ้นเชิง
พวกผู้ใหญ่ต่างพร่ำสอนให้เราเป็นคนดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น
แต่เรากลับเห็นผู้ใหญ่ในสังคมตามสถานที่ต่างๆเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
ไร้ซึ่งความมีน้ำใจและความเมตตา
พวกผู้ใหญ่ต่างพร่ำสอนให้เราอย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่เงิน อย่าคดโกง
มันจะบาป แต่เรากลับเห็นผู้ใหญ่ในสังคมต่างแก่งแย่งกันเพื่อเอาตัวรอด
เพื่อให้ตัวเองรวย
เพื่อให้ตัวเองได้อยู่สภาพชีวิตเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและร่ำรวย
โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบหัวคนไปสักกี่คนกว่าได้ขึ้นมา
ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินตัวเดียว โดยไม่สนใจบาปบุญคุณโทษ
และไม่สนใจแม้กระทั่งคำว่า "อกตัญญู"
และในหลายๆคราเราก็เห็นว่าแม้แต่พ่อแม่เราเองก็ยังทำอย่างที่พวกท่านพร่ำสอน
ว่ากล่าวเราเองยังไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่น อย่าเล่นโทรศัพท์นานนะลูก
อย่ามัวแต่เล่นเกมส์ในโทรศัพท์สิลูก
ในขณะที่พ่อแม่เองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ยุคสังคมก้มหน้า
เค้าว่ากันว่าชีวิตในวัยเด็กนั้นเปรียบเสมือนผ้าขาวผืนใหญ่ๆ
ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่จะเทสี สาดสี หรือสะบัดสี อะไรใส่เข้าไป
ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาเป็นเช่นนั้นไม่ต่างกัน
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับคน หรือแม้แต่กับเทคโนโลยีระบบ AI ของค่าย
Microsoft ได้จำเป็นต้องทำการลบ “Tay” ระบบ AI
โดยทั้งที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคอนเซปท์เป็น “หญิงสาวไร้เดียงสา”
ที่เอาไว้คอยโต้ตอบแชทแบบ interactive กับมนุษย์ในโลกโซเชียลมีเดียผ่านทาง
Twitter
แต่หลังจากที่ได้ส่งเธอเข้าไปทำความรู้จักและได้เรียนรู้สังคมมนุษย์ตัว
เป็นๆแล้ว เธอกลับกลายเป็นพวกเหยียดชาติพันธุ์ คลั่งฮิตเลอร์ และบ้าเซ็กส์
ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ในขณะที่อีกฝั่งของซีกโลก “Rinna” ระบบ AI
รุ่นพี่ของ “Tay” ที่ทาง Microsoft ได้ไปเปิดตัวไว้ในประเทศญี่ปุ่น
ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลับพบว่ามีลักษณะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดย
"Rinna" ที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคอนเซปท์เป็น "นักเรียนสาว"
ก็กลับกลายเป็นนักเรียนสาวโอตาคุ
หรือเป็นพวกที่คลั่งการ์ตูน/อนิเมะไปเป็นที่เรียบร้อย
เด็กในยุคดิจิตอลสมัยนี้โตกันเร็ว ดังนั้นผู้ใหญ่เองก็ต้องปรับตัว
เรียนรู้และตระหนักถึงเทคโนโลยี
พร้อมกับต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่คุณพร่ำสอนบอกกล่าวตักเตือนลูกคุณอยู่นั้น
คุณเองก็ทำตัวเช่นนั้นอยู่หรือไม่
เพราะมิฉะนั้นเด็กในรุ่นที่กล้าพูดกล้าคิดสมัยนี้ อาจย้อนถามกลับคุณได้ว่า
"แล้วคุณล่ะทำได้อย่างที่พูดหรือปล่าว?"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น