วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

เศรษฐีอาหรับหนีร้อน ตระเวนขับรถหรูซิ่งลอนดอน



ข่าวที่่ฮอตที่สุดในตอนนี้ที่ชาวลอนดอนเนอร์ทุกคนต้องยกให้เป็น talk of the town คงจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากข่าวที่บรรดาอภิอัครมหาเศรษฐีอาหรับต่างยกขบวนพารถหรูประจำฐานันดรของแต่ละท่านๆ มาตระเวนขับไปทั่วท้องถนนในลอนดอนอยู่ ณ ขณะนี้

สิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่ารถสปอร์ตหรูคันนั้นเป็นของเหล่าบรรดาเศรษฐีอาหรับหรือไม่นั้น ดูง่ายมากโดยให้สังเกตจากสีของรถสปอร์ต เพราะนอกจากความเป็นแค่รถสปอร์ตธรรมดาๆ มันยังไม่สามารถตอบโจทย์และเติมเต็มถึงคำว่า "อภิอัครมหาเศรษฐี"

ซึ่งนั่นก็เลยทำให้เหล่าบรรดาเศรษฐีอาหรับ  นิยมสั่งเคลือบรถสปอร์ตทั้งคันด้วยสีทองเมทัลลิคแบบพิเศษ เลือกเฉดสีทองที่สุกสกาวและเนื้อเมทัลลิคที่ดูแล้วคล้ายทองคำแท้ ที่เวลาขับรถตามท้องถนน แล้วต้องแสงแดด สีทองนี้ยิ่งส่องประกายฉายแววแห่งความมั่งคั่ง และร่ำรวย ทำให้ถูกจริตเป็นยิ่งนัก

ตามข่าวแจ้งว่าเหล่าบรรดาเศรษฐีอาหรับ เริ่มนิยมที่จะใช้วิธีหนีร้อนจากเมืองตะวันออกกลาง มาพักผ่อนที่ลอนดอน โดยพารถหรูสีทองเหล่านี้มาโชว์ด้วยราว 2 - 3 ปีมาแล้ว และบรรดาท่านๆก็ขับรถตระเวนไปทั่วย่านธุรกิจใจกลางสำคัญของเมือง โดยไม่สนใจกฎกติกามารยาท

และก็รวมไปถึงกฎจราจรของประเทศอังกฤษเองด้วย โดยยอดรวมของมูลค่าใบสั่งและค่าปรับ รวมๆ กันแล้วเกือบ 200 ล้านบาท โดยที่บางคนก็ยินดีที่จะจ่ายค่าปรับ ในขณะที่อีกหลายๆคนก็ไม่สนใจ สะบัดก้นหนีกลับประเทศหลังจบทริปพักร้อนที่อังกฤษ

ซึ่งผู้คนในลอนดอนต่างออกปากบ่นถึงความไร้ระเบียบในการขับรถ จอดรถในที่ห้ามจอด จอดรถที่หน้าโรงแรมและร้านช้อปปิ้งหรูๆแม้ว่าจะเป็นเขตห้ามจอดก็ตามที ขับรถเร็วเพื่อโชว์ศักยภาพของรถสปอร์ตสุดหรู และเสียงของรถที่ดังสนั่นสนานไปทั่วทุกที่ ที่เหล่าบรรดาเศรษฐีอาหรับไปช้อปปิ้งและดื่มกินกัน

แต่แม้ว่าจะมีคนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการมาของบรรดาเศรษฐีอาหรับในครั้งนี้ แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้ในรถสปอร์ตสุดหรูที่หาดูชมได้ยากต่างเคลื่อนขบวนมาให้ได้ยลโฉมให้ชมแบบตัวเป็นๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเหล่าตากล้องที่ต่างต้องยกกล้องมาถ่ายเจ้ารถสปอร์ตหรูเริ่ดเช่นนี้

อ่านข่าวนี้จบแล้วให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายกับข่าว เรื่องขบวนรถบ้านจีนทะลักเข้าเชียงใหม่ ที่ขับรถโดยไม่สนใจกับกฎกติกามารยาทรวมถึงกฎการจราจรบ้านเรา ผสมโรงกับข่าวเศรษฐีขับรถชนแล้วหนี โดยไม่ต้องรับผิดชอบแต่อย่างใดเพราะความที่เป็นคนมีเงิน (เอิ่มมม...คุ้นๆแฮะ)

linkภาพและข่าวจาก: http://www.telegraph.co.uk/news/2016/03/29/saudi-tourist-brings-four-gold-cars-worth-more-than-1m-to-london/


______________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
https://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน marketing content
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***

แผ่นเสียงพาเพลิน



ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องการออกแบบที่มีสไตล์ล้ำ สมัยไม่เหมือนใครมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ต เครื่องประดับ นาฬิกา เสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ ข้าวของเครืองใช้ในด้านอื่นๆ ล้วนต่างมีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สวย งาม สง่า ทรงคุณค่า เหนือกาลเวลา

และนี่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีสไตล์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามแบบ ฉบับของชาวอิตาเลียนแท้ๆ ด้วยคอนเซปท์ที่ผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างดีไซน์แบบเรทโทรผนวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ผลิตด้วยวัสดุน้ำหนักเบา และมีระบบสั่นสะเทือนมาด้วย

ลบภาพลักษณ์ของเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบเก่าด้วยการเปลือยให้เห็นแผ่นเสียง ที่กำลังหมุนตามหัวเข็มที่จิกลงไปตามร่องพื้นผิวของแผ่นเสียง จะว่าไปช่างเป็นไอเดียที่เซ็กซี่ยิ่งนัก แค่ปล่อยตัวตามสบายเอนหลังพิงกับโซฟาพร้อมหนังสือเล่มโปรด จิบ...แก้วโปรด...สักแก้ว โอ้ววว...แค่คิดก็ฟินแล้ว

link: http://coolmaterial.com/h…/atmo-sfera-platterless-turntable/

ปล. ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่ประการใด แต่...ได้ใจไปเต็มๆ

______________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
https://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน marketing content
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

ปรัชญาชีวิตจากเกมส์ Candy Crush



เชื่อว่าสมัยนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเกมส์ Candy Crush แอพเกมส์สุดฮิตในมือถือ เป็นเกมส์จับคู่เหมือนแบบเรียงกันตั้งแต่สามตัวขึ้นไป หากเรียงได้สี่ตัวก็จะได้เป็นลูกลาย หรือเรียงเป็นตัว L ก็จะได้เป็นลูกอม และหากเรียงได้ห้าตัวก็จะได้ลูกมันชกิ้นที่เอาไว้ระเบิดตัวอื่นได้

เกมส์ธรรมดาๆที่ไม่ว่าเป็นคนเจนไหนก็สามารถเล่นได้ ทำให้แอพนี้เป็นที่นิยมของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเอาไว้เล่นฆ่าเวลาขณะขึ้นรถไฟฟ้า หรือแอบเล่นคลายเครียดระหว่างวัน หากอยากรู้ว่านิยมจริงหรือไม่ ให้ลองสังเกตขณะขึ้นรถไฟฟ้า รับรองว่า จะต้องได้พบเจอผู้คนรอบกายอย่างน้อยหนึ่งคนที่กำลังเล่นเกมส์นี้อยู่อย่างแน่นอน

ชีวิตของคนเราในหลายครั้งหลายคราก็ไม่ต่างอะไรจากเกมส์ ยามที่ชีวิตประสบความสำเร็จก็ไม่ต่างยามเล่นเกมส์แล้วมีตัวช่วยต่างๆหล่นใส่ ลงมาแบบพรั่งพรูแทบไม่ต้องเล่นด้วยตัวเองเลย โดยที่เราไม่รู้ตัวล่วงหน้าเลยว่าตัวที่จะหล่นมาจะออกมาดีหรือไม่

แต่ในขณะที่เกิดอุปสรรคในชีวิต ไม่ว่าจะวางแผนการเล่นเกมส์ดีสักเพียงใด แต่สิ่งที่หล่นมากลับกลายเป็นปัญหาและอุปสรรคเฉพาะหน้าให้เราต้องแก้ไขกัน ตลอด แม้ว่าเหมือนจะมีตัวช่วยอยู่ตรงหน้า แต่สุดท้ายตัวช่วยนั้นก็กลับกลายเป็นอุปสรรคอันใหม่ ให้ต้องแก้ไขในช็อตต่อไปแบบผิดคาด

ยิ่งไปกว่านั้นบางคราวที่เจอแทคติกของเกมส์ ไม่ว่าจะพยายามเล่นสักเพียงใด บทจะไม่ให้ผ่านก็ไม่สามารถผ่านด่านนั้นไหน ติดเป็นวันเป็นอาทิตย์หรือหลายอาทิตย์ แต่พอถึงคราวที่เกมส์ปลดล็อคให้ผ่านด่านได้ เล่นแบบไม่ต้องคิด ก็ได้รับตัววิเศษต่างๆนานาที่ทยอยออกมากันจน เราไม่ต้องเล่นเองเลย บางทีเล่นแค่ตาเดียว ที่เหลือเกมส์ส่งของวิเศษออกมาให้เราจนเราผ่านด่านนั้นได้อย่างสบาย แถมได้คะแนนเป็นที่หนึ่งอีกต่างหาก

จะว่าไปเรื่องแบบนี้ก็คงไม่ต่างจากดวงคนเราตามความเชื่อแบบไทยๆ ยามดวงคนมันจะรุ่ง อะไรก็รั้งไว้ไม่อยู่ ได้รับโอกาส ได้รับการสนับสนุน ได้รับการช่วยเหลือ ถูกหวย ถูกล็อตเตอรี่ ส่งชิงโชคได้ทองคำ ทำอะไรก็ลื่นไหลง่ายไปเสียหมด

แต่ในทางตรงกันข้ามยามดวงตก ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด เจอศัตรู เจอคู่แข่ง ลูกหนี้เบี้ยว เจ้าหนี้ไม่ยอมให้กู้ รถเสียต้องซ่อมหนัก ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใคร แถมยังมีอุปสรรคขวากหนามที่ต่างตบเท้าเสนอหน้าเรียงตัวเข้ามาหาแบบตั้งรับ กันไม่ทันเลยทีเดียว

ชีวิตคนเราความแน่นอนคือความไม่แน่นอน มีขึ้น มีลง มีดี มีร้าย มีแข็งแรง มีเจ็บป่วย หากตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป...

______________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
https://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน marketing content
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

"โฆษณาพาเพลิน"



ช่วงนี้กระแสฟุตบอลฟีเวอร์มาแรงฝุดๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลทีมชาติไทยที่มีสิทธิ์ลุ้นเข้ารอบบอลโลกรอบลึกๆ แม้ว่าแค่นี้ก็ชื่นใจหลังจากที่ทีมชาติไทยไม่เคยได้สัมผัสโอกาสเข้ารอบบอล โลกเลยแม้แต่น้อยมาหลายปี (สงสัยว่าคาถาและฤทธิ์เดชมนต์ดำที่บังยีร่ายเอาไว้จะเริ่มหมดฤทธิ์!)

เพราะแม้แต่แวดวงโฆษณาเอง หลายๆแบรนด์ต่างก็เริ่มเดินหน้าจัดเต็มโปรโมทแคมเปญชิงโชคชิงรางวัลเพื่อได้ ไปชมฟุตบอลต่างประเทศถึงถิ่นกันเลยทีเดียว ตามที่เราคงได้เห็นผ่านตาทางหน้าจอทีวียิงสปอตโฆษณาออกมาถี่ยิบ

อย่างค่ายเป๊ปซี่ที่มีแคมเปญโปรโมชั่น "เป๊ปซี่พา...ซ่า เชียร์ UEFA Champions League ถึงมิลาน 60 วัน 60 รางวัล" ชวนกันไปเชียร์ UEFA Champions League นัดชิง ติดขอบสนามที่มิลาน (น่าสนใจนักสำหรับคอบอลตัวจริง ฝุดๆ)

ส่วนค่ายเอสเองก็ย่อมไม่น้อยหน้าจัดแคมเปญมาสู้กับ "เอส เชียร์สุดซี้ด ต้อง SEAT ติดขอบ" ชูจุดเด่น ลุ้นเชียร์ติดขอบสนามแมตซ์ หยุดโลก ชิงแชมป์ฟุตบอลยุโรปที่ประเทศฝรั่งเศสกับ ณเดชน์ (เชอะ เอาดาราไทยมาล่อ ไม่ใช่สเป็ค ขอผ่านฮ่า)

หรือแม้แต่ค่ายบิ๊กโคล่าใหม่ก็ยังงัดแคมเปญ "บิ๊กโคล่าใหม่ ให้ลุ้นเชียร์ทีมอังกฤษที่ฝรั่งเศสในศึกฟุตบอลยุโรป" (ใจนึงก็รักใจนึงก็ชัง จะลุ้นขึ้นมั้ยเนี่ยอังกฤษ ที่เล่นแบบลูกผีลูกคนตลอดเวลา ต้องลุ้นกันถึงวินาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาทุกที กองเชียร์เหนื่อยนะเฟ้ยยย)

และอย่างค่ายรถยนต์อย่างเชพโรเลจก็ออกแคมเปญ "คว้าเชฟโรเลตมาครองง่ายๆ แถมลุ้นเชียร์แมนยู ที่ประเทศอังกฤษ แบบซูเปอร์วีไอพี" เชิญชวนสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต กับการเชียร์แมนยูถึงถิ่น ที่เชฟโรเลต เซนเทนเนียล สวีท สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด พร้อมดินเนอร์สุดหรู และมีทแอนด์กรี๊ด กับนักเตะแมนยูในดวงใจ

พูดถึงทีมรักแล้วต้องร้อง เฮ้ออ นักเตะแมนยูในดวงใจไม่เหลือใครละยุคนี้ ยุคที่ใช้เงินฟาดหัว อยากได้ใครก้อไล่ล่ามาให้จงได้ แต่เอามาแล้ว กลับไม่ได้แสดงผลงานให้คุ้มกะค่าตัวที่จ่ายไปเลย หรือไม่ก็โค้ชเลือกใช้นักเตะไม่เป็น สู้ยุคสมัยยังบลัดที่คัดนักเตะในทีมเยาวชนเด่นๆมาปั้นเทิรนโปร นักเตะยังจะเล่นได้เข้าขาและเป็นทีมเวิรคมากกว่านี้ ยิ่งเชียร์ยิ่งเพลียยย

แต่แอบขัดใจยิ่งนักกับแคมเปญอันสุดท้าย คืออุตส่าห์พาไปเยือนถึงถิ่นแล้ว แต่ได้ไปนั่งอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมที่แม้จะสุดแสนเอ็กซคลูซีพ แต่ต้องเชียร์ฟุตบอลผ่านกระจก (เฮ้ยย มันใช่ปะวะ ไปเยือนถึงถิ่นขนาดนี้แล้ว มันต้องไปอยู่ร่วมกับบรรดากองเชียร์ในสนาม สัมผัสถึงกลิ่นหญ้าจริงบ้างเทียมบ้าง หรือแม้กระทั่งกลิ่นเหงื่อจากคนรอบกาย แต่...มานนนเป็นฟีลลิ่งงงงง!)

______________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
http://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน marketing content
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

ศึกสามก๊ก ณ สังเวียนมือถือ



***ไม่ควรให้ เครือเอไอเอส นำคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ไปหารายได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้คลื่น 900 MHz เอไอเอสควรจะต้องมีภาระค่าใช้คลื่นตามสัดส่วนของราคาค่าประมูลคลื่นเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันให้บริการได้อย่างไร เท่ากับว่าการประมูลในประเทศนี้ การแพ้หรือชนะการประมูลไม่มีความหมาย เพราะผู้แพ้การประมูลก็สามารถใช้คลื่นได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ชนะการประมูล ได้ สำคัญกันที่ว่าใครจะมีอุบายหรือลูกเล่นกันอย่างไร เช่นนี้จะเป็นการสร้างความไม่มั่นใจแก่นัก ลงทุนต่างประเทศ และจะเป็นการชี้นำให้ผู้เข้าประมูลอื่นๆ หาช่องทางที่จะใช้อุบายหาทางเอาเปรียบในเชิงการแข่งขันกันต่อไปในอนาคต***

นี่คือไฮไลท์ของเนื้อหาในหลายๆข้อที่ทางทรูทำหนังสือร้องเรียนเอไอเอสไปยังกสทช
จะว่าไปก็เห็นด้วยตามข้อกล่าวหาและเข้าข้างทรูในงานนี้ (แต่มีข้อแม้ว่าทรูจะไม่เบี้ยวหนี้เหมือนแจ๊สนะ ไม่งั้นมีฮา) การแพ้หรือชนะในการประมูลบ้านเรา เปรียบเสมือนการเล่นปาหี่ไปแล้วหรืออย่างไร
กสทชปล่อยให้แจ๊สมาปั่นราคาเรียกกระแสเล่นๆแล้วจากไป ทำตัวประหนึ่งขับรถชนคนแล้วหนี พอถึงวันครบกำหนดจ่ายเงินกสทชติดต่อไป ก็กลับกลายเป็นสัญญาณมือถือที่อยู่ในเดดโซน "หมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้"เล่นเอากสทชยังคงมึนๆงงๆ ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี

ส่วนเอไอเอสที่ถือครองคลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งจะหมดอายุตามสัญญาสัมปทานกับทีโอทีในวันที่ 30 กันยายนนี้ มีผลทำให้เอไอเอสต้องสิ้นสุดการให้บริการเครือข่ายตามวันดังกล่าว
ผู้ใช้บริการจะมีเวลาย้ายออกจาก AIS 2G ไปเครือข่ายอื่นหรืออัพเกรดเป็น AIS 3G 2100 ในระยะเวลา 30 วันนับจากวันที่สิ้นสุดการให้บริการ ก่อนที่คลื่น 900 MHz จะถูกส่งกลับ กสทช. เพื่อนำไปประมูลใหม่ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งทางทรูกับแจ๊สประมูลได้คลื่นไปครอง

ส่วนทางทีโอทีเองก็กลับลำออกมาประกาศ โดยระบุว่าลูกค้า AIS 2G จะยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยที่ผู้ใช้บริการไม่ต้องดำเนินการอะไรทั้งสิ้นครับ ซึ่งแน่นอนว่าเอไอเอสก็ทำตัวเนียนๆยังคงใช้คลื่นความถี่ 900 กันต่อไป

นับวันคำว่า"จริยธรรม"และ"ความยุติธรรม"ในบ้านเราจะกลายเป็นคำที่หมดอายุและเป็นคำที่คนใช้กลายเป็นคนหลงยุคไปทุกที

ขณะที่"ความเก่ง"กับ"ความเอาเปรียบผู้อื่นเพียงเพื่อให้ตัวเองนั้นรอด" กลายเป็นเส้นบางๆที่ผู้คนในสังคมต่างพร้อมจะขยิบตาให้เพื่อจะได้มองไม่เห็น เส้นบางๆเส้นนีมือถือ

ประชาชนตาดำๆตัวเล็กๆที่เป็นหนึ่งในผู้บริโภค ก็ได้แต่ติดตามตอนต่อไป ว่าศึกสามก๊ก ณ สังเวียนมือถือ จะดำเนินต่อไปอย่างไร และจะมีจุดจบเยี่ยงไร

______________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
https://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน marketing content
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตเปื้อนฝุ่น"



ตอนเด็กๆพวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นดั่งเจ้าชายและเจ้าหญิงของพ่อแม่ที่พวก ท่านต่างพร่ำสอนและวาดฝันว่าลูกของตนเองนั้นจะต้องเติบโตเป็นคนดี มีชีวิตที่ดีและมีอนาคตที่สวยหรูกว่าตนเองกันแทบทั้งสิ้น

จนกระทั่งเราเติบโตและเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นและกำลังก้าวข้ามผ่านสู่วัยเป็น ผู้ใหญ่ เราต่างเริ่มเห็นโลกเห็นสังคมในมุมที่ต่างจากโลกเจ้าชายและเจ้าหญิงอย่าง สิ้นเชิง

พวกผู้ใหญ่ต่างพร่ำสอนให้เราเป็นคนดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น แต่เรากลับเห็นผู้ใหญ่ในสังคมตามสถานที่ต่างๆเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ไร้ซึ่งความมีน้ำใจและความเมตตา

พวกผู้ใหญ่ต่างพร่ำสอนให้เราอย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่เงิน อย่าคดโกง มันจะบาป แต่เรากลับเห็นผู้ใหญ่ในสังคมต่างแก่งแย่งกันเพื่อเอาตัวรอด เพื่อให้ตัวเองรวย เพื่อให้ตัวเองได้อยู่สภาพชีวิตเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและร่ำรวย โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบหัวคนไปสักกี่คนกว่าได้ขึ้นมา ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินตัวเดียว โดยไม่สนใจบาปบุญคุณโทษ และไม่สนใจแม้กระทั่งคำว่า "อกตัญญู"

และในหลายๆคราเราก็เห็นว่าแม้แต่พ่อแม่เราเองก็ยังทำอย่างที่พวกท่านพร่ำสอน ว่ากล่าวเราเองยังไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่น อย่าเล่นโทรศัพท์นานนะลูก อย่ามัวแต่เล่นเกมส์ในโทรศัพท์สิลูก ในขณะที่พ่อแม่เองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ยุคสังคมก้มหน้า

เค้าว่ากันว่าชีวิตในวัยเด็กนั้นเปรียบเสมือนผ้าขาวผืนใหญ่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่จะเทสี สาดสี หรือสะบัดสี อะไรใส่เข้าไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาเป็นเช่นนั้นไม่ต่างกัน

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับคน หรือแม้แต่กับเทคโนโลยีระบบ AI ของค่าย Microsoft ได้จำเป็นต้องทำการลบ “Tay” ระบบ AI โดยทั้งที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคอนเซปท์เป็น “หญิงสาวไร้เดียงสา” ที่เอาไว้คอยโต้ตอบแชทแบบ interactive กับมนุษย์ในโลกโซเชียลมีเดียผ่านทาง Twitter แต่หลังจากที่ได้ส่งเธอเข้าไปทำความรู้จักและได้เรียนรู้สังคมมนุษย์ตัว เป็นๆแล้ว เธอกลับกลายเป็นพวกเหยียดชาติพันธุ์ คลั่งฮิตเลอร์ และบ้าเซ็กส์ ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง 

ในขณะที่อีกฝั่งของซีกโลก “Rinna” ระบบ AI รุ่นพี่ของ “Tay” ที่ทาง Microsoft ได้ไปเปิดตัวไว้ในประเทศญี่ปุ่น ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลับพบว่ามีลักษณะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดย "Rinna" ที่ตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคอนเซปท์เป็น "นักเรียนสาว" ก็กลับกลายเป็นนักเรียนสาวโอตาคุ หรือเป็นพวกที่คลั่งการ์ตูน/อนิเมะไปเป็นที่เรียบร้อย

เด็กในยุคดิจิตอลสมัยนี้โตกันเร็ว ดังนั้นผู้ใหญ่เองก็ต้องปรับตัว เรียนรู้และตระหนักถึงเทคโนโลยี พร้อมกับต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่คุณพร่ำสอนบอกกล่าวตักเตือนลูกคุณอยู่นั้น คุณเองก็ทำตัวเช่นนั้นอยู่หรือไม่ เพราะมิฉะนั้นเด็กในรุ่นที่กล้าพูดกล้าคิดสมัยนี้ อาจย้อนถามกลับคุณได้ว่า "แล้วคุณล่ะทำได้อย่างที่พูดหรือปล่าว?"

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

"โค้ก" หรือ "เป็ปซี่"




เชื่อว่าทุกคนคงต้องเจอกับคำถามที่เวลาเราไปนั่งทานอาหารตามร้านอาหารแล้ว ต้องการสั่งเครื่องดื่มน้ำอัดลม ว่าจะเอา "โค้ก"หรือ"เป็ปซี่"

ซึ่งบางคนก็มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ทำตัวประหนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัทเค้ากันเลยทีเดียว แถมหงุดหงิดใส่คนรับออเดอร์หากว่ายี่ห้อที่ต้องการสั่ง

ขณะที่ใครอีกหลายคนอาจจะบอกว่า "เอาอะไรมาก็ได้" หากว่ายี่ห้อแรกไม่มี ก็เอาอีกยี่ห้อมา เป็นอันจบแบบชิลชิล

ทีนี้เราเคยลองสังเกตเครื่องหมายการค้า หรือโลโก้ของ "โค้ก"หรือ"เป็ปซี่" บนขวดน้ำที่เราดื่มกันบ้างมั้ย

โลโก้ของ "โค้ก-ต้องโค้กสิ" แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยตลอดร้อยกว่าปีที่มีการผลิตและจำหน่ายกันมา
ในขณะที่ "เป็ปซี่-เป็ปซี่ดีที่สุด" กลับเปลี่ยนโลโก้เป็นว่าเล่น เปลี่ยนตามแคมเปญ เปลี่ยนตามโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอล เปลี่ยนตามซีซั่น หรือเปลี่ยนตามโปรโมชั่นก็สุดแล้วแต่

ทีนี้หากเรามาลองนึกเปรียบเทียบกับประเภทนิสัยของคนกันบ้าง คนประเภท "โค้ก" ก็คงต้องเป็นพวกมีความเป็นปัจเจกชนสูง มีความเป็นตัวเองและโลกส่วนตัวที่ จะกระทำการใดๆด้วยเหตุผลและตรรกะของตนเองเท่านั้น

ส่วนอีกประเภทที่เป็น "เป็ปซี่" ไม่ยึดติดกับอะไร มีความสามารถทำตัวกลมกลืนเข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์นั้นๆ ขึ้นอยู่กับพรรคพวกเพื่อนฝูงในกลุ่มนั้นๆ แน่นอนว่าไม่มีฝ่ายใดผิดฝ่ายใดถูก เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับดีเอ็นเอ หรือจริตของแต่ละบุคคล

ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนจัดบรรดาเครื่องดื่มน้ำอัดลมต่างก็กำลังเป็นที่ต้อง การ คราวหน้าหากได้สั่งน้ำอัดลมมาดื่ม ลองสังเกตตัวเองกันดูเล่นๆว่า คุณเป็นคนแบบ "โค้ก"หรือ"เป็ปซี่"???

แด่โลกเบี้ยวๆใบเล็กๆ



แด่โลกเบี้ยวๆใบเล็กๆ...
ในโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้ต่างเต็มไปด้วย
เรื่องราวที่ไร้ซึ่งเหตุผลและตรรกะ
ผู้คนหลายๆคนอาจต่างตั้งคำถาม
แต่น้อยคนนักที่จะหาคำตอบให้ได้

โลกที่ช่างแสนประหลาดเกินพรรณนา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากมิติพิศวง

เป็นโลกที่กฎมีไว้ให้แหกอย่างไม่รู้สึก
ผิดหรือตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด

โดยมักจะอ้างประโยคเด็ดที่กล่าวว่า
"ใครๆเค้าก็ทำกัน" มาเข้าข้างตัวเอง

โลกที่ผู้คนต่างขับรถเลนขวาช้าสุด
ทั้งที่มีกฎการจราจรบอกตรงกันข้าม

โลกที่คนขับแท็กซี่สามารถเลือกได้
ว่าจะไปหรือไม่ไปตามใจชั้นนน

โลกที่คนขับรถสาธารณะพร้อมจะ
แหกกฎมารยาทที่ดีในการขับรถทุกข้อ

โลกที่ตำรวจควรจะใส่ใจกับการกระทำ
ข้างบนแต่กลับใส่ใจการใช้มือถือขณะขับรถ

โลกที่ตำรวจบางคนทำตัวไม่ต่างกับ
มาเฟียคอยรีดไถคนใช้ถนนประจำทาง

โลกที่ตำรวจสามารถสรรหาข้อหา
ในการจะออกใบสั่งได้เสียยิ่งกว่าครีเอทีฟ

โลกที่ตำรวจเมาและอาละวาดขับรถ
ผิดกฎเสียเองแถมเอาปืนมาโชว์พาว

และท้ายสุดเป็นโลกที่ผู้ป่วยเป็นโรคจิตขับรถชนคนตาย
โดยไม่ต้องติดคุกหากเงินถึง!!!