วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559
แบบทดสอบความถนัด
สิ่งหนึ่งที่คนรุ่น Gen X ยุคก่อนที่อินเตอร์เน็ตจะเป็นที่แพร่หลายและเข้าถึงง่ายเหมือนในทุกวันนี้ ที่ใครๆ ต่างก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่ายแค่เพียงปลายนิ้ว
ในสมัยก่อนการจะค้นคว้าหาข้อมูลอะไรสักอย่าง เช่นการทำรายงานในมหาวิทยาลัย ต้องนัดรวมพลกันเพื่อไปสิงสถิตอยู่ตามห้องสมุด แบ่งหัวข้อ และหมวดหมู่ กันไปคนละหัวข้อ
ขณะที่ทุกวันนี้ เด็กประถมนัดทำการบ้านกันทางไลน์ เด็กมัธยมและเด็กมหาวิทยาลัย ค้นคว้าหาข้อมูลกันทางอินเตอร์เน็ต และคุยสดผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์แบบเรียลไทม์
แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนรุ่น Gen X ต่างอิจฉาคนรุ่นนี้ นั่นคือ มีแบบทดสอบความถนัด ให้ได้ทดสอบ และได้รู้ว่าตัวเองนั้น ถนัดในเรื่องไหนเป็นพิเศษ และเหมาะที่จะทำอาชีพอะไร
เพราะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนักสำหรับคนรุ่นก่อนอินเตอร์เน็ต ที่จะไปหาสถาบัน ที่จะมาทดสอบเรื่องนี้ และหากมีก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงจำกัดอยู่แค่คนในวงเล็กๆ เท่านั้น
ในทุกวันนี้ยังเคยได้ยินเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องบางคนยังแอบบ่นว่า ไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะคนรุ่น Gen X เรียนและทำงานตามบรรทัดฐานของสังคม ว่าควรเรียนสายอะไร ควรประกอบวิชาชีพอะไร ที่เป็นที่ต้องการโดยยึดบรรทัดฐานของสังคมเป็นหลัก โดยไม่ได้เลือกเองเลย
นั่นเลยทำให้ตัวเองก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองถนัดอะไร ถนัดด้านไหน ถนัดแนวไหน เพราะทำตามๆ เค้าไป ตั้งแต่วัยเรียนจวบจนวัยทำงาน
ส่วนเด็กรุ่นใหม่ คุณพ่อคุณแม่และคุณครู จะให้ทำแบบทดสอบเพื่อวัดความถนัดของลูกตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อจะได้มุ่งเน้น เสริมสร้างทักษะในด้านนั้นๆ ไม่ว่าจะแนววิชาการ หรือแนวศิลปะ
จนเกิดสถาบันเปิดสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเรียนเสริมด้านดนตรี ด้านร้องเพลง ด้านเต้นรำ ด้านวาดภาพ ด้านคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่ทางด้านกีฬา
ซึ่งน้องเมย์ขวัญใจคนไทยในนาทีนี้ คงเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ ที่สามารถทะยานขึ้นเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยว มือ 1 ของโลกภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีนับจากการเล่นอาชีพ
โดยส่วนตัวแล้วมักจะแนะนำให้เพื่อนๆที่มีลูกให้ลูกไปวัดแบบทดสอบความถนัด จะได้รู้ว่าควรจะให้ลูกมุ่งไปด้านไหน เพื่อเป็นการปูทางและวางแผนการล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ
และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เวลาที่ลูกทำคะแนนกับวิชาอะไรที่ออกมาไม่ดี ก็จะได้รู้ด้วยว่าที่เค้าทำคะแนนได้ไม่ดีนั้น เป็นเพราะวิชาที่เค้าไม่ชอบหรือปล่าว ซึ่งหากว่าใช่ ก็ขอให้เรียนผ่านเกณฑ์มาเป็นอันใช้ได้แล้ว จะได้ไม่เป็นการบังคับเคี่ยวเข็ญหรือคาดหวังมากจนเกินไป จนอาจทำให้กลายเป็นปัญหาภายในครอบครัวได้ค่ะ
______________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
https://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน marketing content
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***
ป้ายกำกับ:
บอกเล่าเก้าสิบ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เป็นความโชคดีของคนรุ่นใหม่ ที่มีแบบทดสอบให้ได้ทดสอบกันอย่างแพร่หลาย แต่การเรียนและทำงานตามความถนัดควรผสมผสานไปกับการเรียนและทำงานตามบันทัดฐานของสังคม เพราะด้วยปัจจัยหลายๆด้านทำให้การเรียนและทำงานตามความถนัดเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถประกอบอาชีพที่มั่นคงได้
ตอบลบเป็นสิ่งที่ต้องบาลานซ์กันให้ดีค่ะกับเรื่องนี้
ตอบลบ