วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

กับดักชีวิตกับชีวิตดี๊ดี


 
             ในยุคที่เราเองต่างก็อยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ว่าจะเป็นเช็คอินในเฟซบุค หรือถ่ายรูปลงอินสตาแกรม สังคมแห่งการการแชร์ สังคมแห่งการกดไลค์ สังคมแห่งกระแส และเกาะติดตามเทรนด์ เพื่อไม่ให้ตกยุค เด๋วจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง

             ทำให้คนในยุคนี้ ยึดติดกับการเสพสังคมที่มีแต่ความสวยหรู ดูดี ดูมีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการไปทานร้านอาหารในบรรยากาศสุดหรู นั่งทานร้านกาแฟสุดชิค ไปเที่ยวตามสถานที่สุดฮิป และช้อปปิ้งกับสินค้าแบรนด์เนมในคอลเลคชั่นใหม่รุ่น Limited Edition เพื่อความเป็นแฟชั่นนิสต้า ตัวแม่ และตัวพ่อ

             จนก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจส่วนบุคคล กับไลฟ์สไตล์ชีวิตดี๊ดี ที่กลายเป็นสมการผกผัน กับจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์ตนเอง ด้วยงบรายจ่ายในแต่ละเดือนเพื่อให้ชีวิตตัวเองดูเป็นชีวิตดี๊ดีสมัยนี้ มันไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆเลย

             แล้วเหล่าบรรดาเหล่าบัตรเครดิตทั้งหลายเอง ต่างก็ออกโปรโมชั่นมาดึงดูดอิงกับกระแสชีวิตดี๊ดี ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยที่นานขึ้น ส่วนลดร้านค้า เครดิตรับเงินคืน Cash Back ผ่อนสินค้าหรือบริการ 0% 10 เดือน ที่ต่างเดินพาเหรดมายั่วกิเลส ให้ผู้ถือบัตรของตนเองต่างอยากใช้บัตร

             จึงไม่แปลกใจที่อ่านข่าวเจอว่า คนในยุคนี้ส่วนใหญ่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ตัวเองสร้างไว้ค่อนข้างมากและอัตราการเพิ่มขึ้นมีแนวโน้มสูง อันเนื่องมากจากนำพาชีวิตติดกับดักกับคำว่า "ชีวิตดี๊ดี" เพราะด้วยความที่ใช้บัตรเครดิตกันจนเคยตัว เพราะว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต นั้นแสนที่จะสะดวกสบาย และทันใจ อยากได้ต้องได้ อยากมีต้องมี รูดไปก่อน ผ่อนทีหลัง หรือ 0% 10 เดือน

             มารู้ตัวอีกทีก็หนี้ท่วมตัว บัญชีเงินเดือนก็กลายเป็น "บัญชีเดินสะพัด" (เดินข้ามไปจ่ายค่าบัตรเครดิตกันจนสะพัด) ไม่เหลือเงินเก็บ หรือแม้แต่เงินกินข้าวในแต่ละวันยังแทบไม่มี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ โดยเฉพาะกับวัยรุ่น วัยเรียน วัยที่ยังไม่ได้ทำงาน และยังขอสตางค์พ่อแม่อยู่ วัยที่รู้จักแต่การใช้เงินเพื่อให้ชีวิตดี๊ดีเท่านั้น โดยไม่ตระหนักถึงความสำคัญของที่มาของรายได้

             ใครที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ กับลูกที่ยังเป็นวัยรุ่น วัยเรียนยุคนี้ ควรปลูกฝังเรื่องวินัยในการใช้จ่ายเงินให้กับลูก ตั้งแต่ยังเล็กนะคะ เพื่อให้เค้าได้ตระหนักถึงความสำคัญของเงิน ใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่า ไม่ใช้จ่ายไปอย่างไร้สาระ เพื่ออนาคตทางการเงินที่เข้มแข็ง และมีภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อจะไม่ก่อปัญหาหนี้เกินตัวในอนาคตค่ะ

             หรือแม้กระทั่งคนวัยทำงานเองหลายคนก็ยัง ลืมให้ความสำคัญ และตระหนักในส่วนนี้ ซึ่งหาก ว่าเป็นไปได้ ควรเรียนรู้วิธีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนบุคคลในแบบง่ายๆ ไปจนถึงขั้น Personal Wealth Forecasting ได้ยิ่งดีเพื่อเป็นตรวจสุขภาพทางการเงินประจำปีของตนเองด้วย

             มาถึงตรงนี้เลยอยากจะขอขอบคุณและแนะนำ คุณ เอ หรือ A Academy ผู้บุกเบิกและสอนการวางแผนทางการเงินให้คนไทย ได้เรียนรู้หลักสูตรการวางแผนทางการเงินให้กับตนเองในแบบง่าย ๆ ไปจนถึงขั้นแอดวานซ์ เรียนรู้เรื่องการลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายชีวิตในอนาคต 

             โดยมีความคิดที่จะปลูกฝังให้คนไทยมีวินัยทางการเงินกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหากลายเป็นคนชราที่ไม่มีเงินยามเกษียณ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่อตนเองและต่อสังคมตามมาอย่างมากมาย ตั้งใจสอนกันแบบฟรีๆ ไม่คิดค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่น้อย 

             ซึ่งหากว่าท่านใดสนใจ ขอแนะนำให้เรียนกันได้โดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยค่ะ ช่วยประชาสัมพันธ์ให้อีกแรง และเป็นกำลังใจให้คุณเอ สู้ต่อไป อย่าไปท้อกับพวกชอบรวยทางลัด แต่ไม่ยอมอ่านอะไรเกิน 5 บรรทัดนะคะ



________________________________________
หากใครมีบล๊อกที่ blogspot สามารถแอดกันมาได้ที่นี่ค่ะ
https://aorangel.blogspot.com/
***รับดูแลเพจแอดมิน ทางด้าน Digital Content Marketing
เขียนบทความพร้อมภาพประกอบ email: aorpaka@gmail.com***
            

2 ความคิดเห็น:

  1. ชอบประโยคสุดท้ายมากเลยค่ะ "พวกที่ชอบรวยทางลัด แต่ไม่ยอมอ่านอะไรเกิน 5 บรรทัด" จริงค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เด็กรุ่นใหม่เท่าที่พบเจอส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้กันเยอะอะคะพี่

      ลบ